
คำถามที่ว่า ลงทุนทำไม ? บางทีอาจเป็นคำถามที่ง่าย
ง่ายเสียจนคนมองข้ามกันไป เพราะมัวแต่ไปค้นหาวิธีการเด็ดหรือสูตรดีๆ
เพื่อให้สร้างผลตอบแทนได้เยอะที่สุด เลยทำให้คำถามนี้ถูกละเลยไป อย่ากระนั้นเลย
มาลองหาคำตอบกันหน่อยดีกว่า ว่าเราลงทุนทำไม
เงินเฟ้อ: ปิศาจร้าย
ทำลายเงิน
คำนิยามง่ายๆของการลงทุนก็คือ
“การนำเงินไปทำอะไรซักอย่างเพื่อให้เวลาผ่านไปแล้ว
เงินก้อนนั้นจะเพิ่มมูลค่ามากขึ้นกว่าที่เราลงไปตอนแรก” ดังนั้นถ้าตอบคำถามว่าลงทุนทำไมแบบกำปั้นทุบดินนั้น
ก็คือลงทุนเพื่อให้ได้เงินเพิ่มนั่นเอง โดยต้นทุนชีวิตของแต่ละคนต่างกันครับ แต่ทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกันก็คืออยากให้ตัวเองมั่งคั่ง
มีเงินใช้แม้ว่าตัวเองจะหยุดทำงานแล้ว แต่หากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน
การหยุดทำงานนั่นหมายความถึงรายได้ที่หมดลง แม้จะเก็บออมใส่ตุ่มไว้ก้อนหนึ่ง
มูลค่าของเงินก็ลดลงไปเรื่อยๆเงินที่ฝังไว้ตอนแรกเริ่มซื้อบ้านหลังนึงได้สบายๆ
แต่เวลาผ่านไป 20-30 ปีจนถึงเราเกษียณ
เงินก้อนนั้นอาจซื้อได้เพียงมอเตอร์ไซค์คันนึงด้วยซ้ำ...ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเงินเฟ้อนั่นเอง
ผลของเงินเฟ้อก้คือราคาสินค้ามันแพงขึ้น
โดยส่วนใหญ่มาจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งต้นทุนวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงานที่ต้องขึ้นให้ทุกๆปี(คงไม่มีใครทำงานเป็นสิบๆปีแล้วเงินเดือนมันยังหมื่นห้าตลอดชาติหรอกครับ)
หากนึกไม่ออกลองนึกย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้ว มีเงิน 20 บาทเราสามารถกินก๋วยเตี๋ยวได้ชามนึงเต็มๆ หรือกินกระเพราไก่เพิ่ม 5 บาทได้ไข่ดาวอีกด้วย พอมาสิบปีให้หลัง ลองกำเงินไป 20 บาทสั่งกระเพราไก่สิครับ แม่ค้าคงไม่ขายให้เผลอๆด่ากลับอีก
เพราะเดี๋ยวนี้มันไปถึง 40 บาทแล้ว
นี่แหละผลของเงินเฟ้ออย่างง่ายๆ
บางคนบอกว่า ก็เก็บเงินฝากประจำก็พอ
ได้ดอกเบี้ยตั้ง 2-3% ไม่มีความเสี่ยงด้วย
ก็ถูกครับ ไม่มีความเสี่ยง ยังไงก็ได้เงินคืน แต่หากลองเปิดดูข้อมูลย้อนหลัง
เงินเฟ้อเฉลี่ยในแต่ละปีจะอยู่ที่ 2-3% นั่นแหละ
ครับ ได้เงินคืนเหมือนกัน แต่เมื่อเอาผลตอบแทนมาหักเงินเฟ้อแล้ว
ความมั่งคั่งไม่ได้เพิ่มขึ้นมาซักกระผีก
แถมโดนเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากให้ชีช้ำกันไปอีก
พิชิตเงินเฟ้อ
ด้วยการลงทุน
นอกจากนี้
เคยลองสังเกตกันมั้ยครับ เวลาดูข่าวเศรษฐกิจหรือรายการข่าวต่างๆ เวลาผู้ประกาศบอกว่าเศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู GDP เติบโตมหฬาร ย้อนมองมาดูตัวเรา เงินเดือนก็เท่าเดิม
อย่างดีก็ได้โบนัสเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้อานิสงส์อะไรจากการที่เศรษฐกิจเฟื่อฟูนัก
แต่พอเกิดวิกฤตขึ้นมา ซึ่งบางทีเกิดขึ้นตอนไหน อะไรยังไง เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำ
รู้ตัวอีกที มาขอให้เราลดเงินเดือนหน่อย หรือหนักเข้าก็ไล่เราออกเพราะต้องการลดต้นทุน
โอ้แม่เจ้า! บางทีเรื่องเกิดที่ยุโรป
แต่ไหงมาโดนถึงไทยด้วยหล่ะ ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ซะงั้น พอตกงานที
รายได้ก็หมดลง ทั้งๆที่ไอ้วิกฤตเศรษฐกิจอะไรนั่น เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำ
ว่ามันไปเล่นอะไรกัน ทำไงดี
ก็ต้องเพิ่มช่องทางของรายได้ไงครับ คุณอาจไปลงทุนทำธุรกิจอะไรก็ได้
ทำงานพิเศษหลังเลิกงาน เป็นต้น ซึ่งการการลงทุนในหุ้นก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นกอบเป็นกำ
และใช้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจมาช่วยในการทำกำไรด้วยก็ได้ ยิ่งถ้าเรารู้แล้วว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น
จะมีการปล่อยกู้มากขึ้นเพราะเร่งลงทุน
หุ้นกลุ่มธนาคารก็คือเครื่องผลิตเงินชั้นดีครับ หรือข้าวของแพงขึ้นตามราคาน้ำมัน
ก็ตามกระแสด้วยการไปซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ยิ่งลงทุนถูก ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นก็จะกลบผลของเงินเฟ้อไป
ลงทุนไม่ยาก
เงินไม่มากก็ลงได้
โอกาสการลงทุนเปิดกว้างครับ ไม่เหมือนสมัยก่อน นึกภาพคนลงทุนในหุ้น
จะเป็นภาพคนใส่สูทจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจ แล้วกดโทรศัพท์สั่งซื้อหุ้น สมัยนี้ภาพเปลี่ยนแล้วจ้า กางเกงขาสามส่วน
เสื้อกล้ามนั่งกดโน้ตบุคก็เป็นนักลงทุนได้ ช่องทางก็ง่าย
ยิ่งถ้าไปเดินงานที่เกี่ยวกับการลงทุน
เดินหกล้มหัวแตกที่ไหนก้มีคนมาชวนเปิดพอร์ตลงทุนครับ
เงินหลักหมื่นก็เปิดพอร์ตได้แล้ว
ศึกษาซักนิดก่อนคิดลงทุน
แต่ทุกๆอย่างมีต้นทุนครับ
คุณจะทำธุรกิจคุณยังต้องศึกษาตลาด เขียนแผนธุรกิจ หาแหล่งกู้เงิน จ้างพนักงาน
เยอะแยะไปหมด การลงทุนก็เช่นกัน แม้ให้ผลตอบแทนจะสูง
แต่มันก็พร้อมสูบเงินในกระเป๋าคุณจนแฟบได้เหมือนกัน ผลตอบแทนมาก ความเสี่ยงก็มากตาม ตัวอย่างก็มีมาแล้ว
ปี 2540 นั่นไงครับ หมดตัวจากตลาดหุ้นเป็นแถบๆ
แต่อดีตมีให้จำครับ ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่แล้ว ว่าการสุ่มสี่สุ่มห้าลงทุนโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ
ก็หมดตัวได้เหมือนกัน
สิ่งที่ต้องทำก่อนการลงทุนหรือทำอะไรก็แล้วแต่
คุณต้องศึกษาหาข้อมูลจากสิ่งนั้นเสียก่อน ถ้าคุณจะลงทุนในหุ้น
คุณก็ต้องหาข้อมูลว่าหุ้นคืออะไร ลงทุนอย่างไร คุณเป็นคนทำงานประจำ
แต่เล่นหุ้นซิ่ง เฝ้าหน้าจอตลอด ก็ไม่ถูกซะทีเดียว จะลงทุนแล้ว
ก็ต้องไม่กระทบกับงานประจำ แต่ก็สร้างความมั่งคั่งไปด้วยครับ
ขมวดปมกันอีกรอบก็คือ
การลงทุนเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างความมั่งคั่งครับ ถ้าคุณมีธุรกิจขนาดใหญ่
สร้างเงินได้เป็นพันๆล้าน การลงทุนก็คงไม่จำเป็นอะไรอีกแล้วสำหรับคุณ
แต่ถ้าคุณเป็นเพียงคนธรรมดา มีความฝันอยากจะมั่งคั่งมากขึ้น
สนามการลงทุนก็เปิดกว้างไว้เสมอครับ แต่เปิดไว้เชือดคุณหรือสร้างกำไรให้คุณ
ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว
ที่มารูปภาพ
https://steemit.com/bitcoin/@mdsaifultop/why-invest-in-bitcoin
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น