งานประจำก็ทำเงินได้



หากคุณได้ท่องอินเตอร์เน็ตหาบทความให้กำลังใจหรืออ่านหนังสือ How to อะไรก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่มักจะพูดในทำนองว่า “อยากมีอิสระทางการเงินต้องออกมาเป็นเจ้าของกิจการ” “ทำไมต้องรับใช้ความฝันคนอื่น ทำตามความฝันตนเองดีกว่า” หรือที่ผมอ่านแล้วรู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างที่สุดก็คือ “เป็นมนุษย์เงินเดือนไม่มีทางรวย” อ่าวววว เป็นงั้นไป คนส่วนใหญ่คิดว่าอยากจะรวยต้องทำกิจการ ต้องออกมาลงทุนด้วยตัวเอง ทำตามความฝันของตัวเองดีกว่า

สู่เส้นทางมนุษย์เงินเดือนสมัยใหม่
เท่าไหนถึงเรียกว่ารวย? เถียงกันให้ตายก็ไม่จบครับ บางคนบอกต้องมี 10ล้าน บางคนบอกต้องมี 100 ล้าน เอางี้ดีกว่า ผมขอใช้คำว่าอิสรภาพทางการเงินดีกว่าครับ เริ่มจากคำนิยามของคำว่าอิสรภาพทางการเงินหรือ Financial Freedom กันก่อน ตามการตีความของผมนั้น ความหมายก็คือการมีรายได้ที่มาจากสินทรัพย์ (Passive Income) มากกว่ารายจ่ายในแต่ละเดือนครับ ซึ่งหากยึดตามความหมายนี้แล้ว หมายความว่า หากเราหยุดทำงานไป เราก็ยังมีรายได้ครอบคลุมการใช้จ่ายในทุกๆเดือนนั่นเอง การบอกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่มีทางมีอิสรภาพทางการเงินนั้น ต้องบอกว่าเป็นการเข้าใจที่ผิดไปเยอะเหลือเกินครับ
          การจะบรรลุอิสรภาพทางการเงินได้นั้น การออกมาทำธุรกิจของตนก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะถือเป็นการลงทุนสร้างสินทรัพย์ล้ำค่าอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือตัวธุรกิจนั่นเอง แต่หากขาดการวางแผนที่ชัดเจน แทนที่จะได้มีอิสรภาพทางการเงิน กลายเป็นว่าต้องเป็นหนี้หัวโตได้เหมือนกัน
          สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องมีการวางแผน ศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด มีเป้าหมายที่ชัดเจนครับ และผมยืนยันว่า เป็นมนุษย์เงินเดือนก็มีโอกาสที่จะมีอิสรภาพทางการเงินเหมือนกัน แต่ต้องมีความรู้ในการบริหารการเงินเข้าไปด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินความสามารถของทุกคน


เริ่มให้ถูกทิศ
เริ่มจากการวางแผนการหารายได้ รายได้หลักของมนุษย์เงินเดือนมาจากการทำงานในแต่ละเดือนนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่คุณต้องทำก็คือการพัฒนาตัวเองครับ สิ่งนี้เป็นเสมือนการลงทุนอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งสำคัญมากๆ นั่นก็คือ ลงทุนเพื่อสร้างความรู้ความสามารถ ซึ่งความสามารถที่เพิ่มขึ้น จะเป็นเหมือนใบเบิกทางในการเพิ่มรายได้ให้แก่ตัวคุณนั่นเอง ซึ่งวิธีพัฒนาตัวเองมีหลายวิธีครับ เรียนรู้จากเจ้านาย เรียนรู้จากเพื่อร่วมงาน หรือใช้เวลาว่างอบรมหรือสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับงานของตน
ถัดมาก็คือการวางแผนการใช้จ่าย โดยขอเน้นย้ำว่า คุณควรออมก่อนที่จะใช้จ่ายครับ เพื่อสร้างวินัยที่ดีในการออม รวมถึงจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อสำรวจถึงค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทที่เราใช้ไป เพื่อพิจารณาว่า เราสามารถลดรายจ่ายส่วนใดได้บ้าง โดยควรควบคุมค่าใช้จ่ายให้เท่ากับเงินได้ที่หักเงินออมไปแล้วนั่นเอง
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การทำเงินออมให้งอกเงยนั่นเองครับ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนมีอิสรภาพทางการเงิน โดยทางเลือกในการทำเงินออมให้งอกเงยนั่นก็คือ การลงทุนนั่นเองครับ ซึ่งปัจจุบันมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย โดยการลงทุนจากเงินออมนี้จะเป็นการลงทุนในระยะยาวมากๆครับ พูดง่ายๆก็คือเป็นเงินที่ไว้สร้างสินทรัพย์ที่จะมาสร้าง Passive Income อีกทีนั่นเอง ถึงตรงนี้เราควรวางแผนลงทุนให้ชัดเจนครับ ว่าจะจัดสรรเงินทุนเท่าไหร่ไปลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง หุ้นกี่% พันธบัตรกี่% เงินฝากกี่ % หรือจะเอาหุ้นหมดเลยก้ได้ครับ เพราะในระยะยาวแล้ว หุ้นสามัยจะให้ผลตอบแทนสูงสุดครับ โดยถ้าเราทำงานหนักมากจนไม่มีเวลาติดตามข่าวสารการลงทุน ก็สามารถใช้บริการกองทุนรวมได้ครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญไปเลย
วิธีการลงทุนก็ใช้เป็นแบบ DCA หรือ Dollar Cost Average โดยการใส่เงินเข้าไปในสินทรัพย์ที่เราเลือกทุกๆเดือนครับ หากกองทุนหรือสินทรัพย์ที่เราเลือกมานั้นมีพื้นฐานดีแล้วและเป็นการลงทุนในระยะยาว การลงทุนโดยวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนท่ามกลางความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้นตลอด


ติดตาม ปรับปรุง
สิ่งที่อยากฝากไว้ก็คือ อยากแนะนำให้ทบทวนการลงทุนด้วยครับ อย่างน้อยอาจจะทุกๆครึ่งปีเพื่อดุผลการดำเนินงานของแผนการลงทุนของเรา พื่อนำข้อบกพร่องมาปรับปรุงการลงทุนให้มีประสิทธิภาพครับ
แค่เพียงเรามีวินัยในการลงทุน ทำตามแผนที่วางไว้ เท่านี้ก็ลบคำครหาที่ว่า “เป็นมนุษย์เงินเดือนไม่มีวันรวย” ได้แล้วครับ

ที่มารูปภาพ
https://www.dreamstime.com/stock-illustration-time-passive-income-vector-illustration-business-education-idea-cartoon-image84533039

ความคิดเห็น