
ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่า
โลกเราได้เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจมาหลักๆ 2 รอบ
ซึ่งก็คือวิกฤตซับไพรม์ที่มีต้นตอมาจากสหรัฐฯ
รวมถึงวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปจนทำให้ดัชนี SET ของไทยปรับตัวลงไปหลายร้อยจุด
มาในเดือน ก.ย. ปี 2018 นี้ ผ่านมา 10 ปี
วิกฤตเศรษฐกิจเหล่านี้
ให้บทเรียนสำคัญแก่เราได้ดีและเป็นบทเรียนที่อยู่ในหนังสือการลงทุนเกือบทุกเล่ม
นั้นก็คือ อย่างมองข้ามคำว่า High Risk High Expected Return
หลักการที่นักลงทุนทุกคนจะต้องได้ยินทุกครั้งก็คือ High Risk, High Expected Return หรือหากนักลงทุนต้องลงทุนในสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ที่เสี่ยงมากขึ้น จะต้องมีผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเพื่อมาชดเชยความเสี่ยงดังกล่าว และกฎดังกล่าวจะลงโทษคนเหล่านั้นอย่างรุนแรงเลยทีเดียว
เจ้าสิ่งที่เป็นต้นตอของวิกฤตทั้ง 2 แม้จะแตกต่างกัน แต่ต้องบอกว่า มันคือผลพวงของการพยายามแหกกฎธรรมชาตินั่นเอง โดยตราสาร CDO (Collateralized Debt Obligation) ซึ่งเป็น 1 ในต้นตอของปัญหาดังกล่าว เกิดขึ้นจากการที่ทางเหล่า Investment Banking หรือวาณิชธนกิจออกตราสารหนี้และนำสัญญาจำนองบ้านที่ธนาคารปล่อยกู้มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ลงทุนใน CDO จะได้รับดอกเบี้ยจากการที่ผู้กู้ซื้อบ้านนำมาจ่าย และหากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ ก็จะขายบ้านนั้นทิ้งเพื่อนำเงินมาคืนผู้ลงทุน (โดยเชื่อว่าราคาบ้านจะสูงขึ้นตลอดเวลา) ซึ่งตราสารดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AAA เทียบเท่ากับพันธบัตรรัฐบาลแต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่ามาก ผลที่ตามมาก็คือการแห่เข้าซื้อ CDO จนหาธนาคารและบริษัทขายบ้านต้องยอมปล่อยกู้บ้านให้แก่ลูกหนี้ชั้นรองหรือ Subprime เพื่อจะได้มีสัญญาจำนองไปขายให้แก่วาณิชธนกิจและเกิดการจูงใจให้ซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไรเพื่อที่จะได้สัญญาจำนองบ้านและนำไปทำ CDO เพิ่ม
ผลสุดท้าย ลูกหนี้ซับไพรม์ผิดนัดชำระหนี้จนทำให้บ้านที่ถูกนำมาขายทอดตลาดมีมากขึ้น เกิดภาวะอุปทานส่วนเกิน (Excess Supply) อย่างรุนแรงจนทำให้ราคาบ้านตกลงอย่างหนักจนพลอยทำให้ลูกหนี้ชั้นดีเลิกจ่ายดอกเบี้ยตามเพราะมูลค่าบ้านตนลดลงจากราคาที่กู้มามาก ผลกระทบเหล่านี้ทำให้ตราสาร CDO ที่ถูกถือไว้โดยสถาบันการเงินเป็นหลักมีการด้อยค่าลงและเกิดปัญหาอื่นๆตามมา ซึ่งสาเหตุที่มีการลงทุนใน CDO มาก ส่วนหนึ่งมาจากความผิดพลาดของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้วยส่วนหนึ่งที่มองไม่เห็นถึงความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่และให้อันดับความน่าเชื่อถือสูงเกินไป
ขณะที่วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปมีสาเหตุมาจากการกู้หนี้ต่างประเทศที่มากจนเกินไป โดยเฉพาะกรีซ ซึ่งประเทศเหล่านี้มีอันดับความน่าเชื่อถือไม่สูงมากนัก แต่การที่ทาง EU ได้มีการรับรองพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสมาชิกทุกประเทศ เป็นชนวนให้ประเทศที่อันดับความน่าเชื่อถือน้อยสามารถกู้เงินได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมีการกู้เงินมากขึ้นเพื่อนำมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและไม่ได้สร้างผลิตภาพให้แก่ประเทศเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ สุดท้ายก็ลำบากหลายๆฝ่ายมาจัดการ ซึ่งจะเห็นได้ว่าต้นเหตุสำคัญคือการกู้เงินที่มีต้นทุนถูกมาใช้ โดยคิดว่าเป็นของฟรีและมองข้ามความเสี่ยงไป
การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงไม่ใช่เรื่องต้องห้ามครับ แต่ก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ชนิดใด การรู้จักสินทรัพย์นั้นๆ ทั้งโครงสร้างผลตอบแทนและความเสี่ยง จะช่วยป้องกันไม่ให้เราเสียหายจากความเสี่ยงที่มองข้ามไป ยิ่งหากมีใครมาเสนอการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงและมีความเสี่ยงที่ต่ำมาก อย่าลืมคำสั้นๆครับ High Risk High Expected Return
#NowizInvestor
ที่มารูปภาพ : https://www.information-age.com/legacy-systems-next-financial-crisis-123465888/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น