Anti-Dollar คลื่นใต้น้ำสำคัญ

Image may contain: 5 people, people smiling, people sitting


     หากใครติดตามภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ คงต้องเคยคุ้นหูคุ้นตากับคำว่า Anti Dollar มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่มาแล้วก็หาย ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรมากนัก แต่ในช่วงหลังจากนี้ คำนี้อาจคุ้นหูมากขึ้นก็เป็นได้ครับเพราะ เป็นที่ทราบกันดีว่าตอนนี้ ปัจจัยลบของตลาดมาจากต่างประเทศครับ ทั้งเรื่อง Trade War เรื่อง Geopolitical risk รวมถึงประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากลองดูจากต้นตอของปัญหาส่วนใหญ่ คงหนีไม่พ้นสหรัฐฯทั้งเรื่อง Trade War ที่พยายามขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศที่ตัวเองขาดดุลการค้าอยู่มากเพื่อลดการนำเข้าและเพิ่มการส่งออก รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านพร้อมทั้งออกมาขอความร่วมมือแกมขู่ทางฝั่งยุโรปให้ทำตามสหรัฐฯ นี่ถ้าหากขุดให้ลึกไป ผู้คิดค้นมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบขีดสุดอย่าง QE หรือ Quantitative Easing ซึ่งเป็นการพิมพ์เงินออกมาแล้วปล่อยให้โลกจมไปด้วยสภาพคล่องเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็มาจากธนาคารกลาง FED ของสหรัฐฯ


     ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อบอกว่า ในแวดวงเศรษฐกิจโลก สหรัฐฯนี่แหละ พี่ใหญ่ตัวจริง และทางสหรัฐฯนี่แหละที่ใช้ความมีอำนาจในส่วนนี้มาบีบบังคับให้หลายฝ่ายต้องทำตามตน ยิ่งนโยบายหลักของประธานาธิบดีคนล่าสุด Donald Trump ที่ประกาศนโยบาย America First ยิ่งงัดข้อได้เปรียบตรงนี้มาใช้มากขึ้น และก็แน่นอนครับ ประเทศอื่นๆก็ต้องยอม แต่ถ้าโดนเข้าเยอะๆ มันก็ต้องมีการตอบโต้กันบ้างและเจ้า Anti-Dollar นี่แหละครับ ที่คาดว่าจะเป็นของแรงที่ทำให้สหรัฐฯต้องสะดุ้งกันบ้าง

     ตามหลักทั่วไป สกุลเงินอื่นๆหากจะพิมพ์เงินเพิ่มไปในระบบ ธนาคารกลางประเทศนั้นๆต้องให้แน่ใจว่ามีทุนสำรองที่เพียงพอ (ไม่ต้องมีก็ได้ครับ แต่เงินที่พิมพ์ออกมาก็จะไม่มีความน่าเชื่อถือ) ซึ่งทุนสำรองเงินตราที่ว่านั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นทองคำและเงินดอลลาร์ ใช่แล้วครับ เงินดอลลาร์เป็น 1 ในทุนสำรองเงินตราและยังเป็นสกุลเงินหลักในการใช้ค้าขายระหว่างประเทศ การพิมพ์เงินสกุลดอลลาร์จึงใช้ความเป็นสกุลเงินที่ใช้ค้าระหว่างประเทศนี่แหละครับในการพิมพ์เงินออกมาได้เลย

     และจากการที่สหรัฐฯใช้ข้อได้เปรียบเหล่านี้มาบังคับประเทศอื่นมากขึ้น กลุ่ม Anti-Dollar จึงเริ่มกลับมามีการถูกพูดถึงอีกครั้ง โดยมาตรการหลักๆก็คือการตกลงค้าขายกันในกลุ่มด้วยสกุลเงินหยวนหรือสกุลเงินที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะการซื้อขายสินค้า Commodities อย่างน้ำมัน ที่ปกติซื้อขายกันในรูปเงินดอลลาร์ เพื่อลดบทบาทของเงินดอลลาร์ลงนั่นเอง

     ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทางสหรัฐฯเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ เพราะตอนนี้แม้สหรัฐฯจะดูเป็นพี่ใหญ่ทางเศรษฐกิจโลก แต่ก็มีจุดอ่อนอยู่ โดยเฉพาะประเด็นหนี้สาธารณะทีพุ่งสูงกว่า 21 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงให้ผลเติบโตดึงดูดให้คนยังให้บทบาทกับเงินดอลลาร์ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีวัฏจักรของมัน และกรุงโรมก็ไม่ได้พังในวันเดียวครับ หากสหรัฐฯปิดจุดอ่อนตัวเองไม่ได้ และล้มเหลวในการรักษาบทบาทหลักของเงินดอลลาร์เมื่อไหร่ อำนาจในเศรษฐกิจโลกก็จะเสื่อมถอยลงไปทันที

ความคิดเห็น