
ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (Uefa Champions
League : UCL) คือรายการที่สโมสรฟุตบอลในทวีปยุโรปทำศึกแย่งชิงความเป็นจ้าวแห่งสโมสรยุโรปกันทุกๆปีโดยมีรางวัลและเกียรติยศมากมายมอบให้แก่ผู้ชนะ
แต่ย้อนกลับไปช่วงต้นปีที่แล้ว ก็เกิดเรื่องช็อคขึ้นจนเป็นข่าวใหญ่โต
นั่นคือการวางระเบิดรถบัสของทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) สโมสรชื่อดังแห่งเยอรมนี เรื่องราวเป็นอย่างไร
วันนี้ผมจะมาขอไล่เรียงให้ฟังกันครับ
สำหรับคอฟุตบอลส่วนใหญ่คงเป็นส่วนน้อยที่จะไม่รู้จักสโมสรโบรุสเซีย
ดอร์ทมุนด์ ครับ เพราะย้อนกลับไปช่วงปี 2010-2012 สโมสรเถลิงบัลลังค์แชมป์ลีกเหนือสโมสรยัก์ใหญ่อย่างบาเยิร์น
มิวนิคที่แทบจะผูกขาดการเป็นแชมป์มาโดยตลอด ซึ่งตอนนั้นนำทีมโดยเจอร์เก้น คลอปป์
(ปัจจุบันเจอร์เก้น คลอปป์ เป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล)
โดยสโมสรมีการก่อตั้งเมื่อปี 1909 ตลอดเวลากว่า 109 ปี สโมสรได้แชมป์ลีกของเยอรมนีมาแล้วทั้งสิ้น 8 ครั้ง
เดเอฟเบ โพคาลซึ่งเป็นบอลถ้วยในประเทศเยอรมนี 4 ครั้งรวมถึงยูฟ่า
แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูฟ่า คัพ อย่างละสมัย เรียกได้ว่าเป็น 1 ในสโมสรที่มีเกียรติประวัติมาอย่างยาวนานเลยทีเดียว
เรื่องช็อคเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 11 เม.ย. 2017 ซึ่งเป็นวันที่สโมสรดอร์ทมุนด์มีการแข่งขันรายการยูฟ่า
แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก
กับสโมสรโมนาโกจากฝรั่งเศสที่สนามเหย้าชื่อ Signal Iduna Park ระหว่างทางที่รถบัสของทีมกำลังเดินทางออกจากโรงแรมที่พักไปยังสนามแข่งขัน
ก็ได้เกิดเฉี่ยวกับระเบิดที่มีผู้ไม่หวังดีมาวางไว้ ส่งผลให้กระจกรสบัสแตกและทำให้
มาร์ค บาทรา (Marc Batra) หนึ่งในนักเตะของสโมสรได้รับบาดเจ็บจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล
เป็นเหตุให้ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไป
เบื้องต้น
เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย ISIS เพราะจากที่เกิดเหตุได้พบจดหมายที่อ้างว่าเป็นฝีมือของ
ISIS ซึ่งเป็นการตอบโต้เหตุการณ์การสังหารชาวมุสลิมที่ถูกฆ่าในอิรักและซีเรียโดยกองทัพของเยอรมนีพร้อมทั้งขู่ว่าจะมีการก่อการร้ายเพิ่มหากยังไม่มีการถอนกำลังทหารออก
จนถึงขนาดมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวอิรักและมีการค้นห้องพักของผู้ต้องสงสัยแต่ก็ไม่พบหลักฐานอะไร
ทำให้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว
เหตุการณ์พลิกกลับตาลปัตรหลังวันที่ 21 เม.ย. 2017 เจ้าหน้าที่พิเศษได้จับตัววิศวกรชาวเยอรมนีเชื้อสายรัสเซียชื่อ
เซอร์เก้ ดับเบิ้ลยู (Sergej W.) ถึงที่ทำงานและเบื้องต้นนายเซอร์เก้ได้รับสารภาพว่า
แค่ก่อเหตุเพื่อแกล้งโจมตีเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาฆ่าใคร
สาเหตุที่นำไปสู่การจับกุมนายเซอร์เก้นั้น มาจากข้อสังเกตของเจ้าหน้าที่ว่าสโมสรดอร์ทมุนด์เป็นสโมสรฟุตบอลเดียวที่เป็นบริษัทมหาชนและจดทะเบียนซื้อขายหุ้นสามัญกันในตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ต
รวมถึงเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลจากบริษัท Comdirect ซึ่งเป็นโบรคเกอร์ออนไลน์ที่นายเซอร์เก้ใช้บริการอยู่
ข้อมูลดังกล่าวเป็นการเปิดเผยว่านายเซอร์เก้ได้มีการซื้อ Put Warrant (ตราสารอนุพันธ์ที่ออกโดยบริษัทที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือในการขายหุ้นได้ในราคาที่กำหนดไว้
ซึ่งหากราคาหุ้นแม่ปรับตัวลง ผู้ถือ Put Warrant จะได้กำไร)
ของหุ้นสโมสรดอร์ทมุนด์จำนวน 15,000 สัญญามูลค่า 78,000
ยูโร ซึ่งหลังเกิดเหตุระเบิด ราคาหุ้นของดอร์มุนด์ปรับตัวลงจากจุดสูงสุดในวันที่
12 เม.ย. 5.78 ยูโรต่อหุ้นมาอยู่ที่ 5.38ยูโรต่อหุ้นในวันที่ 13 เม.ย. คิดเป็นกว่า 7%
และทำให้นายเซอร์เก้ได้กำไรไปกว่า 3.9 ล้านยูโรจากการปรับตัวลงของหุ้น
(ตัว Warrant เป็นตราสารอนุพันธ์ที่มี Leverage หรืออัตราทดที่สูงทำให้นักลงทุนทำกำไรหรือขาดทุนได้มากจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย)
นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม โดยช่วงกลางเดือน มี.ค.
นายเซอร์เก้ได้มีการเข้าพักโรงแรมดังกล่าวซึ่งเป็นโรงแรมที่สโมสรดอร์ทมุนด์ใช้เข้าพักเพื่อเตรียมตัวไปแข่ง
รวมถึงจองเผื่อในช่วงเดือน เม.ย. 2 ช่วงเวลา
ยิ่งไปกว่านั้น นายเซอร์เก้ยังปฏิเสธห้องที่โรงแรมเสนอให้ตั้งแต่แรก
ซึ่งเป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่างมองเห็นถนนที่เป็นจุดวางระเบิด
สรุปคือ แม้เจ้าตัวปฏิเสธเรื่องดังกล่าว
แต่จากหลักฐานทั้งการซื้อขาย Put Warrant และการวางแผนนั้นเป็นการสร้างสถานการณ์
เพียงเพื่อทำกำไรจากตลาดหุ้น ตัวคนผิดก็ชดใช้กรรมกันไป
แต่ทุกการกระทำมีผลตามมาเสมอครับ
เช่นเดียวกับการกระทำของนายเซอร์เก้
ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปถึงผู้อื่นที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แม้จะมีเพียงมาร์ค
บาทรา และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกไม่กี่นายที่ได้รับบาดเจ็บ
แต่ก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเตะ ตามที่โรมัน เบอร์กี้
ผู้รักษาประตูของทีมได้ให้สัมภาษณ์ว่าทุกคนต่างขวัญเสียกับเหตุการณ์ดังกล่าวและไม่มีใครคิดถึงเกมกับโมนาโกอีกแล้ว
แต่สุดท้ายก็ต้องลงเล่นในวันถัดไปและเป็นฝ่ายแพ้โมนาโกไป 2 ประตูต่อ 3 ลามไปถึงการออกมาวิจารณ์ยูฟ่าว่าเร่งจัดเกมการแข่งขันไม่สนใจสภาพจิตใจของนักเตะ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะการกระทำที่สกปรกของคนๆหนึ่งที่หวังเพียงกำไรจากการลงทุน
อีกบทเรียนสำคัญก็คือ ทุกความผิดจะมีกลิ่นของมันครับ
และสุดท้ายคนที่ทำความผิดจะต้องชดใช้
ที่มารูปภาพ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น