
นอกเหนือจากหุ้นสามัญที่นัก ลงทุนส่วนใหญ่รู้จักแล้วนั้ น
ผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX โดยเฉพาะตระกูล Futures ทั้งหลายทั้ง
SET50 Future, Single Stock Future, Gold Future และ USD
Future ถือเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่น่าส นใจและยังนำมาใช้ป้องกันควา มเสี่ยงได้อีกด้วยครับ
สัญญา
Futures
เป็น 1 ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งเป็นที่รู้จักค่อนข้างมาก
ลักษณะคร่าวๆของสัญญา Futures ก็คือสัญญาที่ตกลงจำนวนและราคาซื้อขายในวันนี้และไปทำการซื้อขายกันในอนาคต
ซึ่งมีทั้งการซื้อล่วงหน้า (Long)ซึ่งจะได้ประโยชน์กรณีที่ราคาปรับตัวขึ้น
และขายล่วงหน้า (Short) ซึ่งจะได้ประโยชน์กรณีที่ราคาปรับตัวลง
ซึ่งแต่เดิมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นมาเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน
แต่ด้วยลักษณะพิเศษของ Futures อย่างอัตราทด (Leverage)
ที่ใช้เงินลงทุนน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าสัญญา(ส่วนใหญ่ประมาณ 10-15%
ในตลาด TFEX) ซึ่งจะทำเงินได้อย่างมากผ่านการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิงเพียงเล็กน้อย
ทำให้ Futures ถูกนำมาใช้ในการเก็งกำไรด้วยนั่นเอง
รวมถึงการทำอาบิทราจ (Arbitrage) ซึ่งเป็นการทำกำไรจากการที่ราคาสินค้าเดียวกัยแต่ราคาทั้งสองตลาดไม่เท่ากัน
ซึ่งต้องมีความไวและส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมคำสั่งของโปรแกรม Trade จะทำได้ดีกว่า
สำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาวที่ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี
แต่ระยะสั้นอาจเจอความผันผวนของราคาหุ้นจนทำให้พอร์ตการลงทุนเสียหาย ก็สามารถใช้ SET50
Future หรือ Single Stock Future มาป้องกันความเสี่ยงโดยการเปิด
Short ในสัญญา Future ที่มีหุ้นดังกล่าวเป็นสินค้าอ้างอิงหรือSET50
Future ในกรณีที่พอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยหุ้นขนาดใหญ่
โดยจำนวนสัญญาที่ต้องเปิดเพื่อป้องกันความเสี่ยงสามารถหาได้โดยนำมูลค่าพอร์ตของนักลงทุนมาหารด้วยมูลค่าของสัญญา
Future นั้นจำนวน 1 สัญญา
(มูลค่าพอร์ต/มูลค่า Future 1 สัญญา)
เมื่อราคาปรับตัวการขาดทุนของหุ้นจะถูกหักล้างด้วยกำไรจากการเปิด Short
Future ครับ ซึ่งดีกว่าการป้องกันความเสี่ยงแบบเก่าอย่างการ Short
Against Port (SAP) ที่ขายหุ้นออกไปแล้วค่อยซื้อกลับในราคาที่ต่ำกว่าซึ่งแบบนั้นจะทำให้เราเสียค่านายหน้า
2 ต่อรวมทั้งไม่รู้ด้วยว่าราคาจะหยุดลงเมื่อไหร่
แต่อย่างไรก็ดี
นักลงทุนควรทำความเข้าใจกับการป้องกันคามเสี่ยงให้ชัดเจนครับว่า การป้องกันความเสี่ยงไม่ใช่กลยุทธ์การทำกำไรและการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดก่อนทำการป้องกันความเสี่ยงถือเป็นเรื่องจำเป็น
เพราะการป้องกันความเสี่ยงจะทำให้เราเสียโอกาสในการทำกำไรได้เหมือนกัน
ซึ่งหากราคาปรับตัวขึ้น
กำไรที่เราได้รับจากพอร์ตหุ้นจะถูกหักล้างด้วยการขาดทุนจากการ Short Future
นั่นเอง
นอกจากนี้ บางครั้งเราไม่อาจป้องกันความเสี่ยงได้ทั้งหมด
เนื่องจากการคำนวณจำนวนสัญญาที่ใช้อาจเป็นเศษทศนิยมนั่นเอง
ในช่วงที่ภาวะตลาดทรงตัวแบบนี้ การประยุกต์ใช้ Future
ในการป้องกันความเสี่ยงบ้าง อาจช่วยให้เราไม่ต้องจำใจขายหุ้นดีออกไปก็ได้ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น