วิเศษนิยม&ทิพย์นิยม ยาสีฟันสมุนไพรแบบแรกของไทย



หากถามถึงยาสีฟันสมุนไพรที่ทุกคนรู้จัก แวบแรกคงคิดถึง ยาสีฟันดอกบัวคู่  แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า ต้นกำเนิดยาสีฟันสมุนไพรจะเป็นยาสีฟันวิเศษนิยม ซึ่งถ้าหากลองเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ในชั้นขายยาสีฟัน เราจะเจอซองสีเหลืองๆที่ดูโบราณๆเขียนหน้าซองว่า “ยาสีฟันสมุนไพร วิเศษนิยม” นั่นแหละครับ ซองนั้นนี่ มีที่มาเกือบ 100 ปีแล้ว
ต้นกำเนิดวิเศษนิยม
ยาสีฟันวิเศษนิยมผลิตโดยนางผิน แจ่มวิชาสอน ภรรยาของคุณหลวงแจ่มวิชาสอน ซึ่งผลิตโดยสูตรที่ได้รับมาจากตำราของจมื่นสิทธิแสนยารักษ์ แพทย์แผนโบราณประจำโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา โดยเริ่มเรื่องนั้น เกิดจากการที่คุณหลวงแจ่มมีปัญหาป่วยเป็นโรคลักปิดลักเปิด รักษาที่ไหนก็ไม่หาย มาหายจากตำราของจมื่นสิทธิแสนยารักษ์ ต่อมาจมื่นสิทธิแสนยารักษ์ได้มอบตำรายาให้แก่นางผิน ในช่วงแรกผลิตเพื่อจากจ่ายให้ผู้ใกล้ชิด จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 7 นางผิน แจ่มวิชาสอนได้มาสอนการทำยาสีฟันจากตำราของจมื่นในงานประชุมลูกเสือทั่วประเทศ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีและมีการเรียกร้องให้ผลิตเพื่อจำหน่าย จึงกำเนิดเป็นโรงงานวิเศษนิยมในปี พ.ศ.2464 และย้ายโรงงานมาอยู่แถวพระโขนงในปี พ.ศ. 2498 จดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2502 และในปี พ.ศ. 2509 โรงงานวิเศษนิยมได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่9 โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานตราตั้ง (พญาครุฑ) แก่โรงงานวิเศษนิยม ปัจจุบันโรงงานวิเศษนิยมยังดำเนินงานอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
สู่รุ่นลูก ก่อกำเนิด ทิพย์นิยม
หลวงแจ่มวิชาสอนและนางผิน แจ่มวิชาสอน มีบุตรี 2 คนได้แก่ คุณกฐิน และ คุณทิพย์ นิยมเหตุ ซึ่งโรงงานวิเศษนิยมมีคุณกฐินรับสืบทอดกิจการต่อจากพ่อแม่ ส่วนคุณทิพย์ นิยมเหตุ แยกตัวออกไปตั้งกิจการ ยาสีฟันทิพย์นิยม  ปัจจุบันดำเนินงานภายใต้บริษัท สมุนไพรทิพย์นิยม จดทะเบียนเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2541 ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ยาสีฟันทั้งแบบซองและแบบหลอด ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่รูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ของทั้งสองยี่ห้อนี้จะเหมือนกัน
วิถีไทยแท้ในยุคมสมัยใหม่
แม้ทั้งสองบริษัทจะมีสายต้นกำเนิดเดียวกัน แต่จากข้อมูลจะเห็นว่าต่างกันพอสมควร เมื่อดูจากขนาดสินทรัพ์ โดยในปี 2559 โรงงานวิเศษนิยมมีขนาดสินทรัพย์ 8.4 ล้านบาท ส่วนบริษัทสมุนไพรทิพย์นิยมมีขนาดสินทรัพย์ 17.5 ล้านบาท แต่ทั้งสองก็ถือเป็นบริษัทขนาดเล็กมาก เพราะเมื่อเทียบกับบริษัทคอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นผู้ผลิตยาสีฟันคอลเกตในไทย ที่มีขนาดสินทรัพย์ถึง 14,870 ล้านบาทหรือแม้กระทั่งบริษัท ดอกบัวคู่ จำกัดที่เป็นผู้ผลิตยาสีฟันดอกบัวคู่ ที่มีขนาดสินทรัพย์  589.53 ล้านบาท จึงถือได้ว่า บริษัทเป็นเสมือนเรือเล็กในสมรภูมิอันดุเดือดเลยทีเดียว
เปรียบเทียบผลการดำเนินงาน
ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงงานวิเศษนิยมมีผลการดำเนินงานย้อนหลังดังนี้
2557 รายได้รวม 14.18 ล้านบาท กำไรสุทธิ 0.77 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น
2558 รายได้รวม 16.43 ล้านบาท กำไรสุทธิ 43,337 บาท
2559 รายได้รวม 16.22 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ -1.87 ล้านบาท
ส่วนบริษัทสมุนไพรทิพย์นิยม มีผลการดำเนินงานย้อนหลังดังนี้
2557 รายได้รวม 38.69 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1.69 ล้านบาท
2558 รายได้รวม 43.20 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1.95 ล้านบาท
2559 รายได้รวม 44.86 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.22 ล้านบาท  
ถือได้ว่าแม้จะมีต้นกำเนิดเหมือนกัน แต่เมื่อดูผลการดำเนินงานแล้ว ดูท่าต้นตำรับอย่างวิเศษนิยมคงจะกระท่อนกระแท่นไม่น้อย แตกต่างจากบริษัท สมุนไพรทิพย์นิยม ที่ดูจะยังรักษาระดับกำไรไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากลองพิจารณาคร่าวๆจากงบการเงินนั้น เห็นได้ชัดว่าบริษัท สมุนไพรทิพย์นิยม ดูจะมีการควบคุมต้นทุนได้ดีกว่า เห็นได้จากอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2557-2559 อยู่ที่ 18% 5.7% และ 18.1% ตามลำดับ อาจมีตกไปบ้างในช่วงปี 2558 แต่อัตรากำไรขั้นต้นของโรงงานวิเศษนิยมในปี 2557-2559 อยู่ที่ 26% 19.6% และ 9.4% ตามลำดับ จะเห็นว่าลดลงมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผลประกอบการต่างกันอย่างที่เห็น
รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
ด้านบริษัทสมุนไพร ทิพย์นิยม แม้การเติบโตจะไม่มาก แต่ด้วยสถานการณ์ตลาดยาสีฟันที่มีหลายยี่ห้อทะลักเข้ามาแข่งขัน การรักษาจุดยืนของผลิตภัณฑ์ที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพร รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์แบบหลอดเพื่อให้เข้ากับสมัยนี้ควบคู่ไปกับแบบซอง ถือเป็นการปรับตัวที่เหมาะสมเพราะไม่ได้ทำให้ลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์หายไป บวกกับผลประกอบการที่อยู่ในระดับสม่ำเสมอ ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ดีแล้วสำหรับบริษัทเล็กๆแห่งนี้ ส่วนโรงงานวิเศษนิยม อาจจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่การเห็นบริษัทที่อยู่คู่ไทยมาเกือบ 100 ปีต้องล้มลงไป คงเศร้าใจเป็นแน่แท้

Source

ความคิดเห็น